ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เห็นได้ว่าวงการบันเทิงไทยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อเหล่านักแสดงทั้งหน้าใหม่และมากประสบการณ์ ต่างหันมารับบทในซีรีส์วาย (BL – Boys’ Love) และซีรี่ย์ยูริ (GL – Girls’ Love) กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มนักแสดงที่ต้องการพัฒนาทักษะการแสดง และเปิดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มแฟนคลับที่กว้างขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
หนึ่งในจุดเริ่มต้นสำคัญที่ปลุกกระแสซีรีส์วายให้โด่งดังเป็นที่รู้จัก คือเรื่อง Lovesick รักวุ่น วัยรุ่นแสบ ซึ่งออกอากาศเมื่อปี 2557 นำแสดงโดย “ไวท์ ณวัชร์” และ “กัปตัน ชลธร” ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่สร้างฐานแฟนคลับอย่างมหาศาลเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบให้ค่ายผู้ผลิตหลายแห่งหันมาจับตาตลาดซีรีส์วายอย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน กระแสซีรีส์ยูริก็เริ่มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามมาเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงหลังปี 2565 ที่ซีรีส์ ทฤษฎีสีชมพู (GAP The Series) ได้รับความสนใจอย่างมาก นำแสดงโดย “ฟรีน สโรชา” และ “เบ็คกี้ รีเบคก้า” ซึ่งกลายเป็นคู่จิ้นหญิง-หญิง คู่แรกที่ได้รับความนิยมระดับปรากฏการณ์ สร้างฐานแฟนคลับทั่วประเทศและขยายสู่ตลาดต่างประเทศอย่างรวดเร็ว
นักแสดงไทยที่หันมารับงานในสายซีรีส์วายและยูริ มีทั้งที่อยู่ในวงการมานาน เช่น
มาย ภาคภูมิ – อาโป ณัฐวิญญ์ จาก KinnPorsche The Series
เจษ เจษฎ์พิพัฒ -ไบเบิ้ล วิชญ์ภาส จาก 4 minutes
บอย ปกรณ์ – เบน บัญญพนต์ จาก คมเดือน
ธัญญ่า ธัญญาเรศ-หนิง ปณิตา จาก Deep Night The Series
เป้ย ปานวาด-แอนนา เสือ จาก CLUB FRIDAY ความรักคือการให้
และรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่วงการนี้ เช่น
บิวกิ้น พุฒิพงศ์ – พีพี กฤษฏ์ จาก แปลรักฉันด้วยใจเธอ
เจมีไนน์-โฟร์ท จาก แฟนผมเป็นประธานนักเรียน My School President
คริส พีรวัส-สิงโต ปราชญา จาก SOTUS The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง
ฟรีน สโรชา – เบ็คกี้ รีเบคก้า จาก GAP The Series
หลิงหลิง ศิริลักษ์-ออม กรณ์นภัส จาก ใจซ่อนรัก (The Secret of Us)
การเติบโตของซีรีส์วายและยูริ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้ชม แต่ยังส่งผลให้ค่ายต่าง ๆ ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ช่องทีวีดิจิทัล หลาย ๆ ช่อง MCOT , CH3, 7HD, GMM25, One 31 , AmarinTV , WorkpointTV ฯลฯ
รวมถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็น IQIYI, Wetv, Netflix, VIU ฯลฯ หันมาลงทุนในซีรีส์แนวนี้กันมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อวงการโดยรวม ทั้งในแง่ของคุณภาพการผลิต รายได้ และการขยายสู่ตลาดสากล
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่มีบทบาทในการผลักดันกระแสซีรีส์วายและยูริให้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ก็คือ เพลงประกอบละคร (OST) ที่มักจะถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถันและเข้ากับเนื้อหาของเรื่องอย่างลึกซึ้ง เพลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครและเสริมสร้างบรรยากาศของเรื่องราวให้เข้มข้นยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นที่จดจำและได้รับความนิยมในหมู่แฟนคลับอีกด้วย ทั้งในรูปแบบของมิวสิกวิดีโอและการนำไปคัฟเวอร์ในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเพลงจากซีรีส์ยอดฮิตอย่าง “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ที่มีทั้งเพลง “แปลไม่ออก” และ “กีดกัน” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ติดชาร์ตเพลง และถูกนำไปใช้ในงานแฟนมีตในหลายประเทศ เพลงประกอบจึงกลายเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญ ไม่แพ้ตัวซีรีส์เอง
เรียกได้ว่ากระแสซีรีส์วายและยูริในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เหล่านักแสดงมากมาย หันมารับบทในแนวนี้มากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการพัฒนาฝีมือทางการแสดงและสร้างการยอมรับจากแฟนคลับในวงกว้าง ซึ่งในอนาคตอันใกล้ ซีรีส์แนวนี้ยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อไปทั้งในประเทศและระดับสากล
ขอบคุณรูปภาพ : TheExMorning , BE ON CLOUD, onlyyouseriesth , Tanya engtrakul, ww.nawat และ ONE31