“เพราะความรักชนะทุกสิ่ง” เราอาจะได้ยินคำนี้มาโดยตลอด ราวกับคำพูดคลีเช่ในหนังรักโรแมนติกหลาย ๆ เรื่อง ความสวยงามที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ หากแต่ว่าใจปรารถนา และยอมรับซึ่งกันและกัน เสมือนความสมบูรณ์แบบอย่างหามิได้แล้ว ’
เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า IU และ V สมาชิกวง BTS ได้ถ่ายทอดเรื่องราวใน MV ออกมาได้อย่างละเมียดละไม Love wins all เล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่พิการทางการได้ยินโดยใช้ภาษามือในการสื่อสาร และชายหนุ่มที่พิการทางสายตาข้างหนึ่ง เสมือนสังคมปิตาธิปไตยที่ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง ความเสรีภาพอยู่ตรงไหน อิสรภาพที่แท้จริงคืออะไร ความสวยงามที่เห็นจับต้องได้หรือมีอยู่จริงมากน้อยแค่ไหน แล้วตอนไหนที่จิตวิญญาณเราสามารถโลดแล่นได้กันแน่ ?
ลูกบาศก์ปริศนา กองเสื้อผ้ามหึมาที่ราวกับเป็นการนับจำนวนเหล่าผู้คนที่ได้รับการปลดปล่อย กล้องวิดีโอแฮนด์ดีแคมที่สร้างภาพความสวยงามราวกับไม่มีอยู่จริง ชายหญิงคู่หนึ่งที่พยายามหนีความจริงอย่างสุดกำลัง หนีตัวตนที่ไม่อยากยอมรับ สู่ตัวตนที่คะนึงหา ?
หากเปรียบสิ่งเหล่านี้เป็นความหมายโดยนัยแล้ว ก็อดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เมื่อเราได้รับชม MV ตัวใหม่ล่าสุดของ IU ที่เรียกว่าพอได้ดูก็จุกอกไปพร้อมกับความคิดมากมายในหัวลอยแล่นไปมา กองเสื้อผ้าในหนังมีความคล้ายกับงาน “Personnes” ของศิลปินฝรั่งเศส Christian Boltanski ที่อาจแปลได้ว่าคือ ผู้คน การไร้ตัวตน ใน MV Love wins all จะสื่อถึงชีวิตที่ท้ายที่สุด เราก็ดับสูญหายไป เหลือไว้เพียงความทรงจำ เหมือนอย่างในตอนสุดท้ายของ MV ชุดแต่งงานของทั้งคู่ได้ร่วงหล่นมา ราวกับว่าแม้กายจะสลายหายไป แต่ความทรงจำของผู้สวมใส่จะยังคงอยู่ตลอดกาล
หลังจากปล่อย MV เพลงในวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ผู้คนล้วนตีความหมายใน MV ว่าคืออะไรกันแน่ จนไม่กี่วันถัดมาผู้กำกับออมแทฮวาน ก็ได้มาเฉลยบางส่วนจากใน MV ให้ได้รู้กัน อย่างที่รู้กันดีว่าผลงานของผู้กำกับออมแทฮวานอย่าง Concrete Utopia ที่ได้เป็นตัวแทนเข้าชิงรางวัลออสการ์ ปี 2024 สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม มักเน้นถึงความดิสโทเปียในสังคม ไม่ว่าจะทั้งกับสภาพความเป็นอยู่ หรือสภาพจิตใจของตัวละคร ความเห็นแก่ตัว ความเป็นมนุษย์ ความจริงใจ ความรัก การเอาชีวิตรอด และความเขลา สิ่งเหล่านี้ก่อเกิดมนุษย์ที่มีจิตนึกคิด มีความรู้สึก
ลูกบาศก์ที่แทนการกดขี่ในสังคมที่เราเห็นกัน เราจะเห็นถึงสังคมการเมืองเป็นเรื่องรอบตัวเรา เป็นบรรทัดฐานที่อยู่กับเรามาโดยตลอด ทั้งนี้ผู้กำกับก็ไม่ได้ปิดกั้นการตีความที่หลากหลาย เปรียบเสมือนสิ่งที่ทิ้งไว้ให้เราไปคิดต่อกันเอง ในมุมมองความเข้าใจที่ตัวเรา relate กับมัน เพราะเราต่างพบเจอเรื่องราวในชีวิตมาไม่เหมือนกัน และจากในมุมมองของเรานั้น การเปิดภาพมาด้วยการวิ่งหนี พร้อมเสียง score ราวกับเราอยู่ในหนังสักเรื่อง ฝนที่ตก ลูกบาศก์ที่ไล่ล่า ความดิสโทเปียของพื้นที่ที่รกร้าง และบรรยากาศอันผิดแปลก ความรู้สึกที่กดดัน จนกระทั่ง เสียงบรรเลงเปียนโนได้เข้ามาแทนที่ การพบกล้องวิดีโอแฮนด์ดีแคมที่ราวกับเปลี่ยนมุมมองการมองเห็นต่อโลกของเขาและเธอต่างออกไปจากที่เคยเป็น เขาทั้งคู่ดูไร้ซึ่งบาดแผล ดูปกติ เมื่อมองผ่านเลนส์กล้องแคมตัวนั้น การจำลองความเสมือนจริงจอมปลอมที่ทั้งคู่สร้าง เหล่าสักขีพยานในงานแต่งงานที่ราวกับกล่าวว่าเราจะมีกันไปตลอดชีวิต บรรยากาศ สีของภาพที่ดูโทนส้มอุ่น ทำให้รู้สึกเหมือนมีชีวิตอย่างแท้จริง แต่กลับถูกเหล่าผู้คนไร้หน้า ไร้ตัวตน ล่อลวงมายังความรู้สึกนี้ เราต่างเต้นรำ เปิดเผยความสุขบนใบหน้า ปล่อยจิตวิญญาณได้ล่องลอยไปพร้อมกับความอิสระ หากกระทั่งความอิสระชั่วขณะที่พึงหามาได้ถูกพบเจอจากลูกบาศก์ผู้ไล่ล่า เราไม่สามารถปกปิดบาดแผล หรือปมด้อยของเราเอาไว้ได้ตลอด ความไม่สมบูรณ์เป็นสิ่งที่สร้างโลกใบนี้ และสร้างเราขึ้นมา ไปกับฉันจนสุดทางเถิดนะที่รัก อยู่ในอ้อมแขนของฉัน ความรักคือทุกสิ่ง ปล่อยวางใจที่แสนข่มขื่น หลุดพ้นจากสภาวะไร้อิสระ สู่การโบยบินอันไร้ขีดกำจัด เสรีภาพที่แม้มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ด้วยใจ รักของเราจะคงอยู่ตลอดไป และนั่นคือสิ่งสวยงาม
세상에게서 도망쳐 run on วิ่งหนีจากโลกใบนี้ไปด้วยกันนะ 🙂
เรื่อง : Patson Visukamol
ภาพ : ig : dlwlrma, MV Love wins all – IU